Back to News
AI News

AI สุดล้ำจาก Google DeepMind เปลี่ยนวิธีพยากรณ์พายุเฮอริเคน แม่นยำกว่าที่เคยมีมา

โมเดล AI ใหม่คาดการณ์เส้นทางและความรุนแรงของพายุได้รวดเร็วและแม่นยำ ช่วยปกป้องชีวิตผู้คนนับล้าน

Tiger's avatar
Tiger
Admin
June 13, 2025
AIDeepMind HurricaneForecasting

ข่าว AI วันนี้ว้าวมากครับ เพราะบริษัท AI สุดเทพ อย่าง Google DeepMind ที่เราคุ้นชื่อกันดี เค้าได้สร้างโมเดล AI ใหม่ที่อาจช่วยชีวิตคนได้เป็นล้าน ๆ คน

ซึ่งล่าสุดพวกเขาสามารถพัฒนาโมเดล AI สำหรับ "พยากรณ์พายุเฮอริเคน" ได้แบบแม่นยำสุด ๆ ทั้งในเรื่องของ เส้นทางพายุ ระดับความแรง และเวลาขึ้นฝั่ง

ก่อนหน้านี้ การพยากรณ์พายุเฮอริเคนแม้จะมีเทคโนโลยีช่วย แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดพอสมควร แต่ด้วย AI ตัวนี้ของ DeepMind ที่เรียนรู้จากข้อมูลมหาศาล ทำให้มันสามารถวิเคราะห์ปัจจัยซับซ้อนต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำและเร็วขึ้นมาก


AI อัจฉริยะล้มข้อจำกัดเดิม ๆ ของการพยากรณ์

ปกติแล้ว โมเดลสภาพอากาศแบบดั้งเดิมจะเจอข้อจำกัดที่ทำให้คาดการณ์ได้ไม่สมบูรณ์ โมเดลแบบความละเอียดต่ำที่ครอบคลุมทั่วโลกจะเก่งเรื่องการบอกว่าพายุจะไปทางไหน แต่ไม่เก่งเรื่องความรุนแรง ส่วนโมเดลแบบความละเอียดสูงที่โฟกัสในพื้นที่แคบ ๆ จะเก่งเรื่องความรุนแรง แต่ไม่เก่งเรื่องเส้นทาง เหมือนจะบอกได้แค่ครึ่งเดียว แต่ตอนนี้ DeepMind เคลมว่าโมเดล AI ของพวกเขาแก้ปัญหานี้ได้พร้อมกันทั้งสองอย่าง

จากการประเมินผลภายในตามโปรโตคอลของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ (U.S. National Hurricane Center) ระบบ AI ตัวนี้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่สำคัญเหนือกว่าวิธีการเดิม ๆ เลยนะ ในการพยากรณ์เส้นทาง 5 วัน โมเดลนี้สามารถคาดการณ์ได้ใกล้เคียงตำแหน่งจริงของพายุมากกว่าโมเดลชั้นนำของยุโรป (European Centre for Medium-Range Weather Forecasts) ถึง 140 กิโลเมตร

และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ มันยังทำได้ดีกว่าระบบพยากรณ์เฮอริเคนของ NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ในการพยากรณ์ความรุนแรง ซึ่งเป็นจุดที่ AI เคยทำได้ไม่ดีมาตลอด สุดยอดจริง ๆ นี่แสดงให้เห็นว่า AI กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ ที่โมเดลทางกายภาพเคยเผชิญได้อย่างน่าทึ่ง


เร็วและแม่นยำกว่าที่เคยมีมา

นอกจากความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นแล้ว ระบบ AI ตัวนี้ยังทำงานได้เร็วขึ้นอย่างมากด้วย ในขณะที่โมเดลแบบเดิม ๆ ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสร้างการพยากรณ์ แต่โมเดลของ DeepMind สามารถสร้างการพยากรณ์ล่วงหน้า 15 วัน ได้ในเวลาเพียงประมาณหนึ่งนาทีบนชิปคอมพิวเตอร์เฉพาะทางเพียงตัวเดียวเท่านั้น เร็วกว่าเดิมเยอะเลย

ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ระบบสามารถส่งการพยากรณ์ได้ทันเวลาที่กำหนดไว้ ภายใน 6 ชั่วโมงครึ่งหลังจากเก็บข้อมูล ซึ่งศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติร้องขอมาโดยเฉพาะ นี่คือตัวช่วยสำคัญที่ทำให้การเตือนภัยล่วงหน้าทำได้เร็วขึ้นจริง ๆ

การที่ AI สามารถประมวลผลข้อมูลมหาศาลและสร้างการคาดการณ์ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ จะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลามากขึ้นในการวางแผนอพยพและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดความเสียหาย และปกป้องชีวิตผู้คน


จับมือกับศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ: ก้าวสำคัญสู่การใช้งานจริง

ที่สำคัญกว่านั้นคือ DeepMind ได้ประกาศความร่วมมือกับศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานรัฐบาลกลางจะนำการคาดการณ์จาก AI มาใช้ในขั้นตอนการปฏิบัติงานจริง นี่ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันเล่น ๆ แต่เป็นการร่วมมืออย่างเป็นทางการในช่วงฤดูเฮอริเคนแอตแลนติกปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผู้พยากรณ์ของศูนย์เฮอริเคนจะสามารถดูการคาดการณ์จาก AI แบบเรียลไทม์ควบคู่ไปกับโมเดลแบบเดิม ๆ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำในการพยากรณ์ และทำให้สามารถออกคำเตือนได้เร็วขึ้น

Dr. Kate Musgrave นักวิจัยอิสระจาก Colorado State University ผู้ซึ่งตรวจสอบโมเดล Weather Lab ของ DeepMind ก็ยังพบว่าโมเดลนี้มีความแม่นยำเทียบเท่าหรือสูงกว่าโมเดลปฏิบัติการที่ดีที่สุดอีกด้วย การที่หน่วยงานภาครัฐระดับประเทศให้ความไว้วางใจและเริ่มนำ AI มาใช้ในภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ ถือเป็นหมุดหมายที่ยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ AI มีต่อการแก้ไขปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริง อนาคตของการพยากรณ์อากาศสดใสขึ้นเยอะเลย


เบื้องหลังความสำเร็จของ AI สุดเจ๋ง: การฝึกฝนที่ชาญฉลาด

ความสามารถของโมเดล AI นี้มาจากการฝึกฝนข้อมูลสองชุดที่แตกต่างกัน ข้อมูลย้อนหลังขนาดใหญ่ที่สร้างรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกจากข้อมูลนับล้าน และฐานข้อมูลเฉพาะที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับพายุหมุนเกือบ 5,000 ลูกในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการเน้นสภาพบรรยากาศทั่วไปมาเป็นการฝึกกับข้อมูลเฉพาะเจาะจงของพายุหมุนโดยตรง ทำให้ AI สามารถเรียนรู้พฤติกรรมและลักษณะเฉพาะของพายุได้อย่างลึกซึ้ง และละเอียดอ่อน

นอกจากนี้ ระบบยังใช้เทคนิคใหม่ล่าสุดในการสร้างแบบจำลองความน่าจะเป็นที่เรียกว่า Functional Generative Networks (FGN) ที่ช่วยให้สร้างสถานการณ์พายุที่หลากหลายได้อย่างมีโครงสร้างมากขึ้น เทคนิคนี้ช่วยให้ AI ไม่เพียงแค่พยากรณ์เส้นทางเดียว แต่ยังสามารถเสนอชุดของสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พยากรณ์มีข้อมูลที่ครอบคลุม และรอบด้านมากขึ้นในการตัดสินใจ


AI เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น: เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การพัฒนาครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า AI กำลังเติบโต และมีความสำคัญมากขึ้น ในการพยากรณ์อากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป พายุหมุนเขตร้อนอาจมีความรุนแรงมากขึ้น ความถี่เพิ่มขึ้น และรูปแบบที่คาดเดาได้ยากขึ้น การคาดการณ์ที่แม่นยำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องผู้คนในพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลก DeepMind ย้ำว่า Weather Lab นี้ยังคงเป็นเครื่องมือวิจัย และผู้ใช้งานควรยึดการพยากรณ์จากหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาที่เป็นทางการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม DeepMind มีแผนที่จะรวบรวมข้อเสนอแนะจากหน่วยงานด้านสภาพอากาศและบริการฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงการใช้งานจริงของเทคโนโลยีให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในอนาคต

ลองคิดดูสิ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าพายุจะเข้าจุดไหน เวลาไหน แบบเป๊ะ ๆ หน่วยงานป้องกันภัยก็จะวางแผนอพยพ เตรียมความพร้อม และช่วยลดความเสียหายได้ดียิ่งขึ้น


นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า AI ไม่ได้มาแทนคน แต่กำลังมาเป็น "ตัวช่วย" ที่ทรงพลังให้มนุษย์เราต่างหากครับ เราอาจจะได้เห็น AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้นแน่นอน

ที่มา: https://venturebeat.com/ai/google-deepmind-just-changed-hurricane-forecasting-forever-with-new-ai-model/