Back to News
AI News

เมื่อ AI ท้าทายอำนาจ Knowledge Workers: เราจะรอดและรุ่งได้อย่างไรในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน?

AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่ทั้งหมด แต่เข้ามาเปลี่ยน "วิธีคิด" ของเรา

Tiger's avatar
Tiger
Admin
2 min
May 27, 2025
AI Knowledge Workers

วันที่ AI เข้ามาแทนที่งานของเรา... มาถึงแล้ว!

เคยสงสัยไหมว่าวันหนึ่ง... งานที่เราทำอยู่ตอนนี้อาจถูก AI เข้ามาแทนที่? ฟังดูน่ากลัวใช่ไหม? แต่ความจริงคือ "วันนั้น" มาถึงแล้ว! ไม่ใช่แค่คำเตือนลอย ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ AI กำลังเข้ามามีบทบาทในโลกการทำงานอย่างรวดเร็วและทรงพลังแบบที่เราอาจไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะกับสายงานที่ต้องใช้ “ความรู้ ความคิด และการวิเคราะห์” หรือที่เรียกว่า Knowledge Workers เช่น อาชีพอย่างนักวิเคราะห์ข้อมูล, นักการตลาด, นักเขียน, ครู, โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในแง่ของกระบวนการทำงาน เครื่องมือที่ใช้ หรือแม้กระทั่งความจำเป็นในตำแหน่งงานเดิม ๆ

แต่ไม่ต้องตกใจหรือรู้สึกหมดหวังไปนะครับ เพราะในทุกการเปลี่ยนแปลง ย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ! พี่อยากชวนทุกคนมาอัปเดตความรู้ รู้ทัน AI และเรียนรู้วิธี “อยู่ร่วมกับ AI อย่างฉลาด” พี่จะพาไปดูว่าเราควรปรับตัวอย่างไร เตรียมสกิลอะไรให้พร้อม และเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นจุดแข็งได้อย่างไรในยุคนี้


ปรากฏการณ์ "The Great Displacement": เมื่อ AI เข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานที่เคย "มั่นคง"

เรื่องราวที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้คือกรณีของวิศวกรซอฟต์แวร์วัย 42 ปีคนหนึ่งที่เคยมีรายได้สูงจากการเขียนโค้ด แต่จู่ ๆ งานของเค้าก็หายไป ไม่ใช่เพราะโดนเอาต์ซอร์ส หรือการปรับโครงสร้างองค์กรนะ แต่เป็นเพราะอัลกอริทึม AI ที่สามารถเขียนโค้ดได้เร็วกว่าและถูกกว่า! เค้าสมัครงานไปกว่า 800 ที่แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ตอนนี้ต้องไปขับ DoorDash และใช้ชีวิตอยู่ในรถเทรลเลอร์ ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่เรื่องเคราะห์กรรมทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่มันคือการล่มสลายของตัวตน!

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา งานที่ใช้ความรู้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนคุณค่าในตัวเองและการเลื่อนสถานะทางสังคม มันคือที่ที่สติปัญญาได้รับการยอมรับ ที่ที่การมีส่วนร่วมนำมาซึ่งค่าตอบแทน การสูญเสียสิ่งนั้นไป โดยเฉพาะกับการสูญเสียให้กับเครื่องจักร มันไม่ใช่แค่การตกงาน แต่มันคือการสูญเสียวิถีชีวิตไปเลย ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า "The Great Unmooring" หรือ "The Great Displacement" ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่เสาหลักที่เคยกำหนดคุณค่าของมนุษย์กำลังสั่นคลอน

แม้แต่นักถ่ายภาพมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์ก็ยังบอกว่า AI ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจการถ่ายภาพของเขา ตั้งแต่การวางแผนการเดินทาง ไปจนถึงการเผยแพร่บทความเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ไปจนถึงการสร้างภาพ ทุกขั้นตอนถูกจัดการโดย AI ในปัจจุบัน ถ้าไม่ใช่เพราะความต้องการที่ฝังรากลึกของผู้คนที่จะได้รับประสบการณ์ตรงจากธรรมชาติ ธุรกิจการถ่ายภาพของเขาก็คงจะปิดตัวไปแล้ว เขาบอกว่านอกจากจัดเวิร์กชอปแล้ว มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีรายได้จากการถ่ายภาพภูมิทัศน์ เนื่องจากภาพที่สร้างโดย AI ได้เข้ามาครอบงำตลาดแล้ว


จาก "วิกฤตตัวตน" สู่ "การย้ายถิ่นฐานทางความคิด"

การเข้ามาของ AI ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน แต่ยังรวมถึงการย้ายถิ่นฐานของความหมายด้วย แผนที่เก่าที่เคยบอกว่าการคิด วิเคราะห์ และสร้างสรรค์เป็นเครื่องหมายของประสบการณ์เฉพาะของมนุษย์ ไม่ได้ให้ทางรอดที่ปลอดภัยอีกต่อไป อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในรูปแบบของค่าตอบแทนทางการเงิน ภูมิทัศน์ได้เปลี่ยนไปแล้ว และสำหรับหลายคน ตัวตนกำลังถูกรบกวน

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า "เราถูกสร้างมาเพื่ออะไร?" (What was I made for?) เหมือนกับเพลงของ Billie Eilish มันคือการย้ายถิ่นฐานทางความคิด: ออกห่างจากสิ่งที่เครื่องจักรทำได้ดี และไปสู่การนิยามใหม่ว่ามนุษย์อย่างเรามีไว้เพื่ออะไรกันแน่ แต่ก่อนอื่น มันคือความสับสน ความไม่ชัดเจน และความโศกเศร้า และถ้าเราโชคดี ก็คือความอยากรู้อยากเห็นที่จะถามอย่างมีความหวังว่า "เราถูกสร้างมาเพื่ออะไร?"

ตลอดประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำได้หล่อหลอมตัวตนของเรา งานไม่ได้เป็นแค่การทำธุรกรรม แต่มันเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ อย่างยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงจากงานหัตถกรรมไปสู่โรงงาน และในยุคดิจิทัล ตัวตนก็ย้ายมาอยู่ในเรื่องของความรู้ คนมีคุณค่าจากสิ่งที่พวกเขาสามารถแก้ไข จินตนาการ และสร้างสรรค์ได้ การควบคุมสเปรดชีต ชุดโค้ด หรือแคมเปญแบรนด์กลายเป็นขอบเขตใหม่ของความภาคภูมิใจและคุณค่าในตนเอง

แต่ตอนนี้เมื่อระบบ AI เริ่มเลียนแบบหรือเกินความสามารถในการคิดของมนุษย์ได้ พื้นฐานนั้นก็กำลังสั่นคลอน คุณสมบัติที่เคยคิดว่าปลอดภัยที่สุด เช่น ตรรกะ ภาษา และความสามารถในการสังเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและการสร้างเนื้อหา ก็กำลังถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ เหมือนกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยแทนที่ช่างฝีมือในหมู่บ้าน AI กำลังเข้ามาทำให้ "ชนชั้นทางความคิด" ต้องสั่นคลอน และเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในอดีตครั้งนี้ก็ไม่ได้นำมาซึ่งการหยุดชะงักเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งคำถามที่ลึกซึ้งและน่าสับสนยิ่งขึ้นอีกด้วย: ถ้างานไม่ต้องการเราอีกต่อไป แล้วเราคือใคร?


AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่ทั้งหมด แต่เข้ามาเปลี่ยน "วิธีคิด" ของเรา

การเข้ามาของ AI ไม่ใช่แค่การทำให้งานหายไป แต่ยังทำให้เกิดผลกระทบทางจิตวิทยาด้วย มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review พบว่าถึงแม้ AI จะช่วยให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่พวกเขาก็รู้สึกมีแรงจูงใจน้อยลงและเบื่อมากขึ้นเมื่องานไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจลดโอกาสในการ "พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และความรู้สึกสำเร็จ — ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการเติบโตส่วนบุคคลและอาชีพ"

คนทำงานที่ใช้ความรู้หลายคนตอนนี้กังวลเรื่องความล้าสมัย พวกเขาตั้งคำถามถึงตำแหน่งของตัวเองในโลกที่เครื่องจักรสามารถเลียนแบบทักษะของพวกเขาได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง ซึ่งสั่นคลอนรากฐานของตัวตนและคุณค่าในตนเอง

พร้อมกันนั้น สถาบันต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนคนทำงานกลุ่มนี้ รวมถึงโรงเรียน บริษัท และองค์กรวิชาชีพ ก็กำลังพยายามปรับตัว โครงสร้างเหล่านี้ถูกออกแบบมาภายใต้สมมติฐานของความเชี่ยวชาญของมนุษย์ ในขณะที่ AI ยังคงพัฒนาขีดความสามารถต่อไป สถาบันต่าง ๆ จะต้องพิจารณาว่าบทบาทใดที่ยังคงเหลืออยู่สำหรับการมีส่วนร่วมของมนุษย์ และบทบาทเหล่านั้นยังคงให้เกียรติและจุดประสงค์ได้อย่างไร


ก้าวข้ามความท้าทาย: ค้นหา "คุณค่าของมนุษย์" ที่ AI เลียนแบบไม่ได้

สิ่งที่สำคัญคือเราต้องไม่พยายามแข่งขันกับ AI ในเรื่องของสติปัญญา แต่ต้องกลับมาค้นพบคุณค่าของมนุษย์ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย ๆ รวมถึง:

ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy): ความสามารถในการเข้าใจและแบ่งปันความรู้สึกของผู้อื่น
การตัดสินใจทางจริยธรรม (Ethical judgment): การตัดสินใจที่คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม
การสร้างสรรค์ทางศิลปะ (Artistic creation): การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึก
การชื่นชม (Appreciation): ความสามารถในการเห็นคุณค่าและความงามในสิ่งต่าง ๆ
การบ่มเพาะเป้าหมายร่วมกัน (Cultivation of shared purpose): การสร้างแรงบันดาลใจและทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องรอง แต่เป็นเรื่องหลัก แม้ว่าที่ผ่านมาอาจจะถูกประเมินค่าต่ำไปในระบบเศรษฐกิจที่เน้นการสกัดและประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวนะ แม้ว่าตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบเต็มที่ แต่พื้นฐานกำลังเปลี่ยนไปแล้ว การเตรียมตัวตอนนี้จึงสำคัญมาก! การย้ายถิ่นฐานทางความคิดเริ่มต้นจากภายในตัวมนุษย์ ด้วยเรื่องราวที่เราเล่าเกี่ยวกับตัวเราว่าเราคือใคร และเราถูกสร้างมาเพื่ออะไร ถ้าเรารอจนกว่าการเปลี่ยนแปลงจะชัดเจน เราจะสายเกินไป แต่ถ้าเราเริ่มตอนนี้ เพื่อจินตนาการถึงวิธีใหม่ ๆ ในการมีคุณค่า มีความหมาย และสมบูรณ์ เราอาจจะสามารถเผชิญหน้ากับอนาคตในแบบของเราเอง

ในยุคที่ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจรู้สึกสับสนหรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องนี้จากตรงไหนดี บางคนอาจคิดว่า AI เป็นเรื่องซับซ้อน เข้าไม่ถึง หรือเหมาะกับแค่คนที่เก่งเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ความจริงคือ... ใครก็เรียนรู้เรื่อง AI ได้ ขอแค่มีพื้นที่ที่เหมาะสม มีคนคอยแนะนำ และมีวิธีสอนที่เข้าใจง่าย หลายเทคนิคที่ดูยาก ถ้าได้ลองทำผ่านโปรเจกต์จริง ๆ หรือมีคนช่วยอธิบายให้เห็นภาพ ก็จะเริ่มเข้าใจมากขึ้น การเรียนรู้ไม่ได้แปลว่าต้องเก่งทันที แต่หมายถึงการกล้าที่จะเริ่มและค่อย ๆ เติบโตไปในแบบของตัวเอง

ใครที่สนใจ AI ลองหาเวลาสำรวจความรู้ดูสักนิด ค่อย ๆ ลงมือ ลองผิดลองถูกได้ ไม่ต้องรีบร้อน และที่สำคัญคือ อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองระหว่างทางด้วยนะครับ

ที่มา: https://venturebeat.com/ai/from-disruption-to-reinvention-how-knowledge-workers-can-thrive-after-ai/