จาก GPT-5 สู่กึ่ง-AGI: เมื่อ AI พุ่งทะยานไม่หยุด ความท้าทายเชิงโครงสร้างที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
การมาถึงของ AI ที่ใกล้เคียง AGI มากขึ้น กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคม และนี่คือสิ่งที่เรารับมือ
ช่วงนี้ใครที่ติดตามข่าว AI คงได้ยินชื่อ GPT-5 กันแล้ว รุ่นนี้ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะทั้งเร็วขึ้น คิดเป็นระบบมากขึ้น และยังใช้เครื่องมือเสริมได้ฉลาดกว่าเดิม จนหลายคนในวงการถึงกับบอกว่า “นี่มันใกล้ AGI” มากที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลยครับ
Sam Altman (ซีอีโอของ OpenAI) ถึงกับพูดว่า GPT-5 คือจุดที่เข้าใกล้สิ่งที่เหมือน AGI อย่างมีนัยสำคัญ ส่วน Demis Hassabis (Google DeepMind) ก็เปรียบยุคนี้ว่า “ใหญ่กว่าและเร็วกว่าอุตสาหกรรมปฏิวัติหลายเท่า”
ฟังดูแล้วน่าตื่นเต้น แต่ปัญหาคือ สังคมเราพร้อมรับมือแค่ไหนกันแน่?
ดาบสองคม: การเสริมศักยภาพและการแทนที่
จริงอยู่ที่ AI ช่วยให้หลายอาชีพ “เก่งขึ้น” อย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยที่ได้เครื่องมือมาช่วยระดมสมอง เขียนโค้ด และทดลองหาวิธีใหม่ๆ มันเหมือนมีพลังทวีคูณความคิดสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกัน งานบางประเภท เช่น การวางแผนโลจิสติกส์ การจัดซื้อ หรือการวิเคราะห์งบประมาณ อาจไม่ใช่การ “เสริม” แต่เป็นการ “แทนที่” ไปเลยหากเราไม่เตรียมการ ซึ่งตรงนี้เองที่น่าเป็นห่วง
Dario Amodei (Anthropic) เคยกล่าวว่า AI จะอัด “ทศวรรษของความก้าวหน้า” ให้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 10 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง แต่คำถามคือ เราจะรับแรงกระแทกจากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่มีการอบรม การปรับทักษะ หรือมาตรการรองรับ คนจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ช่องว่างที่น่ากังวลในองค์กร
ที่น่าห่วงอีกอย่างคือช่องว่างในองค์กร ซึ่งผลสำรวจผู้บริหารปี 2025 พบว่า กว่า 80% ของบริษัทใช้งาน AI กันแล้ว แต่มีเพียง 31% เท่านั้นที่ลงทุนจัดอบรม GenAI ให้พนักงาน สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนการเร่งเครื่องไปข้างหน้าโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าคนขับรู้วิธีควบคุมรถหรือไม่ ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมากทั้งในด้านกฎหมาย ความน่าเชื่อถือ และกลยุทธ์ทางธุรกิจ
หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้สร้างความเจ็บปวดมหาศาลก่อนที่เราจะมีสวัสดิการ โรงเรียน หรือกฎหมายแรงงานขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา แต่ในครั้งนี้ AI พัฒนาไปเร็วกว่าเดิมหลายเท่า หากเรารอให้ปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ไข อาจจะสายเกินไป
สร้าง "ราวกั้น" ให้ทันความเร็วของ AI
สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือการสร้าง “ราวกั้น” ให้ทันกับความเร็วของ AI โดยควรลงทุนใน 4 เรื่องใหญ่ๆ ดังนี้:
1. กรอบกติกา: สร้างกฎเกณฑ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่เขียนขึ้นมาแล้วปล่อยทิ้งไว้
2. การศึกษาและทักษะ: พัฒนาการศึกษาและทักษะใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่สอนวิธีใช้ AI แต่สอนให้คนสามารถเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี
3. การกระจายผลประโยชน์: ทำให้แน่ใจว่าผลประโยชน์จาก AI ถูกกระจายอย่างทั่วถึง ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่ในบางกลุ่ม
4. สวัสดิการรองรับ: สร้างสวัสดิการหรือตาข่ายรองรับทางสังคมที่ทันสมัยและเพียงพอสำหรับผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ
Demis Hassabis กล่าวว่า เราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้ถูกต้องได้ หากมีเวลาและการเมืองที่สนับสนุน แต่หน้าต่างเวลานั้นสั้นมาก แค่ประมาณ 5-10 ปี เพราะอีกไม่นาน AI จะยิ่งทรงพลังขึ้นกว่านี้อีกมาก หากไม่เริ่มลงมือตั้งแต่วันนี้ อาจไม่มีโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว
AI รุ่นใหม่ ๆ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีกำลังวิ่งเร็วกว่าสังคม หากเราต้องการให้อนาคตเต็มไปด้วยโอกาส ไม่ใช่ปัญหา เราต้องเร่งสร้างมาตรการคุ้มครอง พัฒนาการศึกษาและวางโครงสร้างสังคมที่สามารถตามทัน AI ได้ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงเกินกว่าจะรับไหว
ที่มา: https://venturebeat.com/ai/the-looming-crisis-of-ai-speed-without-guardrails/