Neo: เมื่อหุ่นยนต์แห่งอนาคต กำลังก้าวเข้ามาในชีวิตจริง

เคยฝันถึงหุ่นยนต์ที่สามารถเดิน ทำงานบ้าน และพูดคุยกับเราได้เหมือนในหนัง Sci-Fi กันไหมครับ

หากคำตอบคือ “ใช่” ความฝันนั้นอาจใกล้ความเป็นจริงกว่าที่คิด เพราะล่าสุดบริษัท 1X Technologies จากสหรัฐอเมริกาและนอร์เวย์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก OpenAI ได้เปิดตัวหุ่นยนต์ Humanoid รุ่นใหม่ในชื่อ Neo ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ผู้ช่วยในบ้าน” ของพวกเรา

---

ดีไซน์เพื่อการอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างปลอดภัย

สิ่งที่ทำให้ Neo แตกต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไป คือแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัยและอารมณ์ของมนุษย์” เป็นอันดับแรก โดย

- สัดส่วนและพละกำลัง: หุ่นยนต์ตัวนี้สูงประมาณ 1.65 เมตร หนักราว 30 กิโลกรัม แต่สามารถยกของได้ถึง 68 กิโลกรัม และแบกน้ำหนักได้ประมาณ 25 กิโลกรัม
- ความเงียบ: Neo ถูกออกแบบให้ทำงานอย่างเงียบและนุ่มนวล ด้วยระดับเสียงเพียง 22 เดซิเบล ซึ่งเงียบกว่าตู้เย็นสมัยใหม่
- วัสดุที่นุ่มนิ่ม: ตัวหุ่นยนต์หุ้มด้วยวัสดุโพลิเมอร์แบบโครงข่ายสามมิติ (3D Lattice Structure) ที่ให้สัมผัสคล้ายเสื้อถัก จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการชนหรือกระแทกกับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
- การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ: ระบบขับเคลื่อนของ Neo ใช้เทคโนโลยี “Tendon Drive” ที่เลียนแบบการทำงานของเอ็นกล้ามเนื้อ ทำให้การเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติและอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้างเหมือนหุ่นยนต์ทั่วไป
- การสื่อสารทางอารมณ์: จุดเด่นอีกอย่างคือ “Emotive Ear Rings” หรือห่วงหูเรืองแสงที่สามารถเปลี่ยนสีได้ เพื่อสื่อสารสถานะหรืออารมณ์ของหุ่นยนต์ให้มนุษย์เข้าใจได้ง่ายขึ้น

---

หุ่นยนต์ที่ใช้สมอง AI

หัวใจสำคัญของ Neo คือ “สมอง AI” ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Large Language Model (LLM) ที่ฝังอยู่ภายใน ทำให้มันไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่ทำตามคำสั่ง แต่สามารถพูดคุยโต้ตอบได้อย่างเป็นธรรมชาติและเข้าใจบริบทของสถานการณ์

โดย Neo มีระบบปัญญาประดิษฐ์สามส่วนหลักที่ทำงานร่วมกัน ดังนี้
1. Audio Intelligence: สามารถรับรู้เสียงรอบตัวและแยกแยะได้ว่าเมื่อไหร่ที่เรากำลังพูดกับมันโดยตรง
2. Visual Intelligence: ระบบการมองเห็นที่ช่วยให้เข้าใจสิ่งแวดล้อม เช่น การจำแนกวัตถุในครัวและแนะนำเมนูอาหารจากส่วนผสมที่มีอยู่
3. Memory Functionality: หน่วยความจำที่ช่วยให้ Neo จดจำพฤติกรรม ความชอบ และกิจวัตรของผู้ใช้ เช่น จำได้ว่าเจ้าของชอบดื่มกาแฟตอนเช้า

ด้วยระบบเหล่านี้ Neo จึงสามารถรับคำสั่งเสียง หรือทำงานผ่านแอปพลิเคชันเพื่อช่วยจัดการงานบ้าน ตั้งเวลา เปิดไฟ หรือหยิบสิ่งของได้อย่างเป็นธรรมชาติ

---

ระบบ Human-in-the-Loop

แม้ Neo จะมีความสามารถที่หลากหลาย แต่การให้หุ่นยนต์ทำงานที่ซับซ้อนและไม่แน่นอนในบ้าน เช่น การพับเสื้อผ้า หรือจัดของในพื้นที่รก ก็ยังดูเป็นสิ่งที่ดูจะทำไม่ได้

แต่ 1X Technologies มองเห็นถึงปัญหานี้และได้พัฒนาแนวคิด Human-in-the-Loop หรือ “มนุษย์ช่วยสอนหุ่นยนต์” ขึ้นมา หาก Neo เจองานที่ยังไม่เคยทำ ผู้ใช้สามารถเรียกให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเข้ามาควบคุมจากระยะไกล เพื่อสอนให้ Neo เรียนรู้ขั้นตอนใหม่ ๆ และบันทึกข้อมูลไว้ในหน่วยความจำสำหรับการทำงานในครั้งต่อไปได้

เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้น Neo ก็จะได้รับข้อมูลการเรียนรู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นวงจรการพัฒนา (Data Flywheel) ที่ทำให้หุ่นยนต์มีความสามารถสูงขึ้นโดยอัตโนมัตินั่นเองครับ

---

ความเป็นส่วนตัวและการเรียนรู้ในโลกจริง

Neo จะเป็นก้าวสำคัญของวงการหุ่นยนต์ภายในบ้าน แต่ 1X Technologies ย้ำว่านี่เป็นเพียง “รุ่นแรก” ของหุ่นยนต์ที่ต้องเรียนรู้จากการใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน

ระบบ Human-in-the-Loop ยังต้องอาศัยการเข้าถึงภาพจากกล้องของ Neo เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำหุ่นยนต์ในการเรียนรู้ ซึ่งบริษัทระบุว่าจะทำได้เฉพาะภายใต้ “ความยินยอมของผู้ใช้” เท่านั้น พร้อมกับมีมาตรการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ Neo ยังอยู่ในช่วงเปิดพรีออเดอร์ โดยมีราคาประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (แบบซื้อขาด) หรือราว 499 ดอลลาร์ต่อเดือน (ในรูปแบบ subscription) และมีกำหนดเริ่มจัดส่งให้ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาในปี 2026 ก่อนจะขยายตลาดไปยังยุโรปและภูมิภาคอื่นต่อไป

---

Neo ไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ แต่ยังสะท้อนแนวโน้มที่ AI กำลังเปลี่ยนจาก “สมองเสมือน” ให้กลายเป็น “ตัวตนทางกายภาพ” ที่จะมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ในบ้านจริง ๆ อนาคตของหุ่นยนต์จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องคำนึงถึงประเด็นด้านจริยธรรม ความปลอดภัย และการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจระหว่างมนุษย์กับ AI ด้วยนั่นเองครับ

ที่มา:
https://interestingengineering.com/innovation/1x-neo-humanoid-robot-home-assistant
https://www.1x.tech/neo