OpenAI แตะ 3 ล้านผู้ใช้งานองค์กร เปิดตัวชุดเครื่องมือ AI สู้ศึก Microsoft โดยตรง
เจาะลึกสิ่งที่ OpenAI กำลังทำเพื่อพิชิตตลาดองค์กร
ข่าวฮอต ๆ อัปเดตจากฝั่ง OpenAI ไม่ธรรมดาเลยครับ เพราะล่าสุด OpenAI เค้าประกาศว่ามียอดผู้ใช้งานภาคธุรกิจพุ่งทะลุ 3 ล้านรายแล้วครับ
เป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 50% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แถมเค้ายังบอกอีกว่าได้เปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่สำหรับองค์กรเพื่อมาแข่งกับ Microsoft โดยตรง
เจาะลึกสิ่งที่ OpenAI กำลังทำเพื่อพิชิตตลาดองค์กร
OpenAI กำลังรุกตลาดองค์กรอย่างหนัก ด้วยการนำเสนอเครื่องมือ AI ที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย ซึ่งสามารถเรียกเก็บค่าบริการในราคาสูงได้ โดยมีฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่น่าสนใจเพียบที่เพิ่งเปิดตัว
- Connectors ใหม่ล่าสุด: ไม้เด็ดของ OpenAI ที่จะมาท้าชนกับกลยุทธ์ AI สำหรับพื้นที่ทำงานของ Microsoft โดยตรง ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลของบริษัทที่จัดเก็บอยู่ใน Dropbox, Box, SharePoint, OneDrive และ Google Drive ได้โดยตรงผ่าน ChatGPT ไม่ต้องสลับแอปไปมาให้วุ่นวายอีกต่อไป สะดวกสุด ๆ นอกจากนี้ Connectors ยังขยายไปถึงฟีเจอร์ Deep Research ของ OpenAI ด้วย
- Deep Research: ฟีเจอร์นี้เป็น AI Agent ที่สามารถทำงานวิจัยแบบหลายขั้นตอนได้ โดยจะรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งภายนอกและภายใน ปัจจุบัน Deep Research Connectors สามารถทำงานร่วมกับ HubSpot, Linear และเครื่องมือต่าง ๆ ของ Microsoft และ Google ได้ ทำให้สามารถสร้างรายงานการวิจัยที่ครอบคลุมโดยรวม ข้อมูลจากเว็บเข้ากับข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้ OpenAI อธิบายว่า "ทุกองค์กรมีความรู้มหาศาล แต่มักจะถูกเก็บไว้ในไซโล" เป้าหมายของบริษัทคือการ "พัฒนา ChatGPT ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ปลดล็อกฐานความรู้ทั้งหมดขององค์กร เพื่อให้พนักงานแต่ละคนสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้นี้ได้อย่างต่อเนื่อง"
- Record Mode: ฟีเจอร์นี้สำหรับผู้ใช้งาน Team โดยเฉพาะ เนื่องจากฟีเจอร์นี้สามารถถอดเสียงสรุปการประชุมให้เราได้แบบอัตโนมัติ พร้อมสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำ (actionable items) และเชื่อมโยงกับเอกสารภายในองค์กรได้ด้วย ฟีเจอร์นี้ถือเป็นการเข้าสู่ตลาดที่เคยถูกครอบงำโดยบริการอย่าง Otter.ai และเครื่องมือถอดเสียงของ Microsoft
- Codex: เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดของ OpenAI ได้รับการขยายการเข้าถึง โดยขับเคลื่อนด้วยโมเดล codex-1 ใหม่ ซึ่งอิงจากระบบการให้เหตุผล o3 ที่กำลังจะมาถึงของบริษัท Codex สามารถเขียนโค้ด แก้ไขบั๊ก และเสนอ Pull Request ได้ โดยทำงานในสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่แยกต่างหาก เป็นเครื่องมืออันทรงพลังให้กับองค์กรในการเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ ความสำเร็จทางเทคนิคเหล่านี้ทำให้ OpenAI มีข้อได้เปรียบที่สำคัญ และลูกค้าเต็มใจที่จะจ่ายในราคาสูงสำหรับความสามารถที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน
ด้านความปลอดภัยของข้อมูล..สำคัญแค่ไหน? และ OpenAI จัดการยังไง?
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงข้อมูลทางธุรกิจ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับลูกค้าองค์กรที่จัดการข้อมูลธุรกิจที่ละเอียดอ่อน แม้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ OpenAI ก็ยังคงเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัว เมื่อถูกถามถึงความลังเลของบริษัทที่จะป้อนข้อมูลที่เป็นความลับเข้าสู่ ChatGPT โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของ AI ที่เกิดขึ้นล่าสุดในอุตสาหกรรม โฆษกของ OpenAI ได้ชี้นโยบายความปลอดภัยของบริษัทโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจง "ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ OpenAI - ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่" โฆษกกล่าว โดยอ้างถึงเอกสารความปลอดภัยที่เผยแพร่ของบริษัท การตอบสนองนี้เน้นย้ำถึงความท้าทายที่บริษัท AI ต้องเผชิญในการผลักดันให้องค์กรนำ AI ไปใช้ หลายองค์กรยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับบริการ AI บนคลาวด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่มีชื่อเสียง และความกังวลเกี่ยวกับวิธีการฝึกอบรมโมเดล AI และสถานที่จัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อน OpenAI ได้พยายามแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้ด้วยการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร และสัญญาว่าจะไม่นำข้อมูลลูกค้าธุรกิจไปใช้ในการฝึกโมเดลของพวกเขาเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัท และลักษณะทางเทคนิคที่ซับซ้อนของ Large Language Models ยังคงสร้างความสงสัยให้กับผู้บริหารด้าน IT บางราย
AI พร้อมแล้วสำหรับการใช้งานระดับองค์กร
การผลักดัน AI เข้าสู่ตลาดเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่กว้างขึ้นในการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในเชิงธุรกิจ การวิเคราะห์อุตสาหกรรมล่าสุดชี้ให้เห็นว่าการนำ AI มาใช้ในบริษัทต่าง ๆ เป็นการก้าวข้ามโครงการนำร่องเชิงทดลองไปสู่การใช้งานจริง "แน่นอน สิ่งที่คุณเห็นกับองค์กรและ AI คือคนที่ลงทุนในช่วงแรกและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และกำลังทำได้ดีกว่าคนที่รอผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น" Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่งาน Snowflake Summit ในซานฟรานซิสโก พร้อมเสนอแนะผู้นำองค์กรให้ "ทำเลย" โดยให้บริษัทต่าง ๆ ทดลองกับ AI อย่างระมัดระวัง แทนที่จะนำไปใช้ในกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญ แต่ตอนนี้ เขาแย้งว่าความสามารถของ AI ได้เติบโตเต็มที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในการผลิตในบริบทขององค์กรส่วนใหญ่แล้ว
การแข่งขันในตลาด AI ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่ OpenAI ได้รับความสนใจจากสาธารณชนและนักพัฒนาอย่างมาก แต่บริษัทก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งที่มีเงินทุนหนา Anthropic ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่เน้นความปลอดภัยของ AI ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตนักวิจัยของ OpenAI ประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้มีความสามารถชั้นนำจากทั้ง OpenAI และ Google's DeepMind ขณะเดียวกัน Microsoft ก็ยังคงผนวกเทคโนโลยีของ OpenAI เข้ากับชุด Office และเพิ่งเปิดตัวการสร้างวิดีโอ Sora ฟรีผ่าน Bing ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างสองบริษัทนี้ยังคงพัฒนาต่อไป การที่ Microsoft ประกาศว่าผู้ใช้ Bing สามารถเข้าถึงเครื่องมือสร้างวิดีโอ Sora ของ OpenAI ได้ฟรี โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก ChatGPT รายเดือน 20 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงพลวัตที่ซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั่นเอง
แล้วเราจะตามโลก AI ให้ทันได้ยังไง?
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ OpenAI จาก 2 ล้านเป็น 3 ล้านผู้ใช้ธุรกิจในเวลาเพียงสี่เดือน บ่งชี้ว่าองค์กรต่าง ๆ กำลังก้าวผ่านความสงสัยเริ่มต้นเกี่ยวกับความสามารถของ AI และเริ่มนำไปใช้งานในวงกว้าง นี่คือสัญญาณที่บอกว่า AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกธุรกิจและชีวิตประจำวันของเราอย่างแท้จริง ถ้าเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ และคว้าโอกาสดี ๆ ในอนาคต การเรียนรู้และทำความเข้าใจ AI คือสิ่งสำคัญมาก ๆ ครับ
ที่ Stylor Academy เราพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในการเรียนรู้ AI ของน้อง ๆ และทุกคนที่สนใจ เราเชื่อว่าการเรียนรู้ที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจ และความสนุกในการลงมือทำจริง ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ใส่ใจในทุกขั้นตอนการเรียนรู้ทุกก้าวเล็ก ๆ ที่ตั้งใจ อาจนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ