OpenAI ปล่อย GPT-5.2: ภารกิจทวงบัลลังก์ LLM ด้วยพลังการให้เหตุผลและโค้ดดิ้งระดับโปร
โมเดลใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อ "งานเชิงความรู้ระดับมืออาชีพ" โดยเฉพาะ ยกระดับการเขียนโค้ด การให้เหตุผล และ Workflow อัจฉริยะ เพื่อทวงคืนตำแหน่งผู้นำในวงการ AI
การเปิดตัว GPT-5.2 ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเดตตามรอบปกติ แต่เป็นการประกาศทวงตำแหน่งผู้นำกลับคืนมา หลังจากที่ Google Gemini 3 LLM ได้ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนตารางประสิทธิภาพหลายรายการเมื่อเดือนที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าผู้บริหารของ OpenAI จะชี้แจงว่า GPT-5.2 ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้ามานานก่อนที่ Gemini 3 จะเปิดตัว แต่จังหวะเวลาที่พอดีกันก็ทำให้กระแสการจับตามองยิ่งทวีความน่าสนใจขึ้น
GPT-5.2 ออกแบบมาเพื่อ "งานเชิงความรู้ระดับมืออาชีพ"
สิ่งที่ทำให้ GPT-5.2 แตกต่าง คือการที่ OpenAI นิยามอย่างชัดเจนว่าโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ “งานเชิงความรู้ระดับมืออาชีพ” โดยเฉพาะเป็นชุดโมเดลที่ตั้งเป้ายกระดับมาตรฐานการให้เหตุผล การเขียนโค้ด และ Agentic Workflows ให้กลับมาโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
คุณ Fidji Simo CEO ฝ่ายแอปพลิเคชันของ OpenAI กล่าวว่านี่คือ “โมเดลบุกเบิกที่ก้าวหน้าที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดของเราในการใช้งานระดับมืออาชีพ” โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำสูงและต้องดำเนินงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องกัน
Context Window ที่ใหญ่ขึ้นและความรู้ที่ใหม่กว่า
เมื่อมองในด้านสเปก GPT-5.2 ได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมากในหลายมิติ
1. Context Window เพิ่มขึ้นเป็น 400,000 โทเคน ทำให้โมเดลสามารถอ่านเอกสารหลายร้อยไฟล์หรือคลังโค้ดขนาดใหญ่ได้พร้อมกันในครั้งเดียว
2. Max Output สูงถึง 128,000 โทเคน เปิดโอกาสให้สามารถสร้างรายงานขนาดใหญ่หรือแม้แต่แอปพลิเคชันฉบับเต็มได้ภายในการเรียกใช้เพียงครั้งเดียว
3. Knowledge Cutoff ขยับมาเป็นวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ทำให้โมเดลมีความรู้ที่ทันสมัยในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านเทคโนโลยี, ตัวบทกฎหมาย และมาตรฐานทางเทคนิค
4. Reasoning Token Support เป็นการยืนยันว่า GPT-5.2 ใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับแนวคิดแบบ 5. Chain-of-Thought โดยกำเนิด ส่งผลให้การให้เหตุผล การวิเคราะห์ขั้นตอน และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมีความแม่นยำสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด
สามรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกระดับการใช้งาน
เพื่อให้เหมาะสมกับทุกระดับการใช้งาน OpenAI ได้แบ่ง GPT-5.2 ออกเป็นสามรุ่นหลักครับ ได้แก่
1. GPT-5.2 Instant สำหรับงานทั่วไปที่เน้นความเร็ว
2. GPT-5.2 Thinking สำหรับงานวิเคราะห์และโค้ดดิ้งที่ซับซ้อนหลายชั้น
3. GPT-5.2 Pro เป็นรุ่นที่ฉลาดและมีความแม่นยำสูงสุด สำหรับงานที่คุณภาพต้องมาก่อนความเร็ว
การแบ่งระดับเช่นนี้สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ใหม่ของ OpenAI ในการบริหารจัดการต้นทุนการประมวลผลมหาศาลที่มาจากโมเดลซึ่งใช้การให้เหตุผลอย่างหนัก
การทดสอบประสิทธิภาพ ทำให้เห็นถึงการก้าวกระโดดด้านโค้ดดิ้งและการให้เหตุผลของโมเดลใหม่ตัวนี้
GPT-5.2 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตารางผลทดสอบประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสนามของการเขียนโค้ด ดังนี้
1. GPT-5.2 Thinking ทำคะแนนบน SWE-bench Pro ได้ถึง 55.6% ซึ่งเป็นมาตรวัดที่ท้าทายและใกล้เคียงกับสถานการณ์การทำงานจริง
2. GPT-5.2 Pro ทำคะแนน GPQA Diamond ได้สูงถึง 93.2%
3. GPT-5.2 Thinking ทำคะแนน FrontierMath ในโจทย์ระดับ Tier 1–3 ได้ 40.3% ซึ่งถือเป็นการพัฒนาก้าวกระโดด
และที่สำคัญยังเป็นโมเดลแรกที่ทำคะแนน ARC-AGI-1 ทะลุ 90% อีกด้วย
ราคาและต้นทุนที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความฉลาดที่เพิ่มขึ้นย่อมมาพร้อมกับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะรุ่น Thinking ที่มีราคาสูงกว่า GPT-5.1 ถึง 40% ส่วนรุ่น Pro มีราคา 21 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคนนำเข้า และ 168 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคนส่งออก แม้ราคาจะสูง แต่ OpenAI อธิบายว่าการคำนวณโทเคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจำนวนรอบการทำงานที่ลดลงทำให้ยังคงความคุ้มค่าในระดับองค์กรที่ต้องการใช้โมเดลเพื่อแก้ปัญหาที่จริงจัง
การมาของ GPT-5.2 เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้หยุดพัฒนาแม้แต่วินาทีเดียว โมเดลรุ่นใหม่ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่ตอบคำถาม แต่กำลังกลายเป็นผู้ช่วยที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก แก้โจทย์ที่ซับซ้อนเขียนโค้ด หรือจัดการโปรเจกต์หลายขั้นตอนได้เกือบเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญ คุณสมบัติเช่นนี้เปิดโอกาสครั้งใหญ่ให้นักเรียน นักวิจัย และผู้ที่สนใจเทคโนโลยี สามารถใช้ AI เพื่อยกระดับทั้งการเรียนรู้และการทำงานของตนเองได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้นแน่นอนครับ
ที่มา: https://venturebeat.com/ai/openais-gpt-5-2-is-here-what-enterprises-need-to-know