OpenAI, Microsoft บอกวุฒิสภา --- ไม่มีประเทศไหนชนะ AI ได้เพียงลำพัง
สรุปการประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ กับผู้นำเทคโนโลยี AI อย่าง OpenAI, Microsoft และ AMD เรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อก้าวสู่การพัฒนา AI อย่างยั่งยืน
ข่าวโลก AI อัปเดต สุดเข้มข้นวันนี้มีประเด็นน่าจับตาจากเวทีวุฒิสภาสหรัฐฯ มาฝากครับ
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา คณะกรรมการวุฒิสภาด้านพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ และการขนส่ง ได้จัดการประชุมยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อหารือเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี AI ในสหรัฐฯ งานนี้ไม่ใช่แค่การคุยกันลอย ๆ นะ แต่เป็นการเชิญผู้บริหารตัวจริงเสียงจริงจากบริษัทเทคโนโลยี ชั้นนำมาให้ข้อมูล และเสนอแนะแนวทางการเดินหน้าเทคโนโลยี AI ครับ
ผู้เข้าร่วมประชุมตัวจริงเสียงจริง
บอกเลยว่าแต่ละคนคือเบอร์ใหญ่ในวงการทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI (บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT), Lisa Su ซีอีโอของ AMD(เจ้าแม่แห่งวงการชิปประมวลผล) Michael Intrator ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Coreweave (บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐาน Cloud สำหรับ AI) และที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยคือ Brad Smith ประธานและรองประธานของ Microsoft (ผู้ลงทุนรายใหญ่ใน OpenAI)
ประเด็นสำคัญที่ผู้บริหารเหล่านี้หยิบยกมาพูดคุยกับวุฒิสภาคือ ความเชื่อที่ว่า "ไม่มีประเทศไหนสามารถเป็นผู้ชนะในสงคราม AI ได้เพียงลำพัง" พวกเขาเน้นย้ำว่าการพัฒนา AI ให้ก้าวหน้าและยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่างประเทศ
ทำไมต้องมีความร่วมมือระหว่างกัน?
ลองคิดดูว่า AI ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เครื่องมือธรรมดา ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่มันคือเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสื่อสาร การแพทย์ การศึกษา หรือแม้แต่ความมั่นคงของชาติ ดังนั้นการพัฒนา AI จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และต้องการองค์ความรู้จากหลากหลายสาขา เพราะไม่มีประเทศไหนที่เก่งทุกเรื่อง
นอกจากเรื่องความร่วมมือแล้ว ผู้บริหารเหล่านี้ยังได้เสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนา AI ในสหรัฐฯ อีกด้วย ประเด็นหลัก ๆ ที่พวกเขาพูดถึงก็คือ การเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและทันสมัย เพื่อรองรับกับการเติบโตของ AI
โครงสร้างพื้นฐานที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ คอมพิวเตอร์แรง ๆ หรืออินเทอร์เน็ตเร็ว ๆ เท่านั้นนะครับ แต่ยังรวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน อาทิ
- ศูนย์ข้อมูล (Data Centers): ที่เปรียบเสมือน "สมอง" ของ AI เป็นสถานที่เก็บ และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการฝึกฝน และพัฒนา AI
- โรงไฟฟ้า (Power Plants): การพัฒนา AI ต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนั้น การมีโรงไฟฟ้าที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก
- โรงงานผลิตชิป (Chip Fabricators): ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง คือ "หัวใจ" ของ AI ทำหน้าที่ในการคำนวณ และประมวลผลข้อมูล การมีโรงงานผลิตชิปที่ทันสมัย และผลิตได้ในประเทศ จะช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ผู้บริหารเหล่านี้มองว่า การเร่งกระบวนการขออนุญาต และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถรักษาความเป็นผู้นำในด้าน AI และแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในเวทีโลก
เท่านั้นยังไม่พอ พวกเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนา "คน" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อน AI ผู้บริหารเหล่านี้เสนอแนะให้รัฐบาลสนับสนุนการสร้างบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI เช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์ และช่างไฟฟ้า เพื่อให้มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน
นอกจากนี้ พวกเขายังเสนอให้รัฐบาลเปิดรับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่มีความสามารถด้านซอฟต์แวร์ เพื่อมาช่วยพัฒนา AI ในสหรัฐฯ และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการสร้างนโยบายการส่งออกที่ชัดเจน เพื่อให้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาในอเมริกา สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกและดึงดูดความสนใจจากประเทศอื่น ๆ
ในการประชุมครั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้แสดงท่าทีที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแล AI โดยสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่จากพรรค Republican แสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรมีบทบาทในการกำกับดูแล AI น้อยที่สุด และปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนามากกว่า
อย่างไรก็ตาม ก็มีสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนที่เสนอให้มีการสร้าง "พื้นที่ทดลองกฎระเบียบ AI (AI regulatory sandbox)" เพื่อให้สามารถทดลองและพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ AI ได้อย่างเหมาะสม
ถึงแม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะเน้นไปที่การส่งเสริมการพัฒนา AI แต่ผู้บริหารจาก OpenAI และ Microsoft ก็ได้แสดงความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเด็นด้านกฎระเบียบด้วย พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่า การมีมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการพัฒนา และใช้งาน AI จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย แต่ก็เตือนว่าการออกกฎหมายที่เข้มงวดเกินไป หรือการกำหนดให้ต้องขอ "อนุมัติล่วงหน้า" สำหรับการเปิดตัวโมเดล AI ใหม่ ๆ อาจเป็นการขัดขวางนวัตกรรม และอาจทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขัน
มุมมองของไทย
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า ประเด็นเรื่อง AI ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีล้ำ ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่มันคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างซับซ้อน การพัฒนา AI ให้ประสบความสำเร็จได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการวางแผนและกำหนดนโยบาย
ทุกคนลองคิดตามนะครับว่า AI กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การแพทย์ หรือแม้แต่การซื้อของออนไลน์ ถ้าเราไม่เร่งพัฒนาศักยภาพ AI ของตัวเอง หรือไม่เข้าร่วมมือกับนานาชาติ เราอาจจะตกขบวนในโลกยุค AI ก็เป็นได้
หากพูดถึงไทยของเรา ก็ตื่นตัวกับเรื่องนี้ไม่น้อย รัฐบาลและภาคเอกชนหลายแห่ง เริ่มหันมาลงทุน และส่งเสริมการพัฒนา AI มากขึ้น มีการจัดตั้งศูนย์วิจัย AI การสนับสนุน Startup ด้าน AI และการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน AI ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
สิ่งที่เราทำได้ในฐานะคนไทย ก็คือการเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ AI ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข่าวสาร การเปิดรับองค์ความรู้ใหม่ ๆ การให้ความร่วมมือ หรือแม้แต่อบรมสัมมนา หรือการทดลองใช้เครื่องมือ AI ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ
ที่มา: https://venturebeat.com/ai/openai-microsoft-tell-senate-no-one-country-can-win-ai/